เหล็กไอบีม

เหล็กไอบีม I-Beam Steel

รายละเอียดสินค้า

โรงเหล็ก ร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและเหล็กเส้นเหล็กรูปพรรณทุกชนิด ชลบุรี เหล็กไอบีมราคาถูก มีมาตรฐาน มอก. พร้อมจัดส่งด้วยรถบรรทุกติดเครน

เหล็กไอบีม (I-Beam) มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น เหล็กตัวไอ เหล็กปีกไอ เสาบีม จัดเป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เหล็กเส้นที่มีลักษณะเป็นรูป "I" ซึ่งมีการออกแบบให้มีส่วนบนและส่วนล่างที่เป็นแผ่นเหล็กหนา (Flange) และส่วนกลางที่เป็นแผ่นเหล็กบาง (Web) ซึ่งทำหน้าที่รับแรงดึงและแรงกดจากโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักได้มากอีกทั้งยังให้ความคงทนสูงเพราะมีความแข็งแรงมาก

สั่งซื้อเหล็กหรือวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่

เหล็กไอบีม ใช้ในงานก่อสร้างโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะในงานที่ต้องการรับน้ำหนักมาก ๆ เช่น โครงสร้างอาคาร สะพาน หรืออุตสาหกรรมหนัก

GRADE : SS400 SS490 SS540 SM400 SM490 SM520

ข้อดีของเหล็กไอบีม

  • ความแข็งแรงสูง : เนื่องจากการออกแบบที่มี Flange กว้างและหนา รวมทั้ง Web ที่แข็งแรง ทำให้เหล็กไอบีมสามารถรับน้ำหนักได้ดีและทนทานต่อแรงกด
  • ความสามารถในการรับแรงดึงและแรงเฉือน : โครงสร้างของเหล็กไอบีมเหมาะกับการรับแรงทั้งในทิศทางดึงและกด รวมทั้งสามารถรับแรงเฉือนที่เกิดขึ้นได้ดี
  • การกระจายน้ำหนัก : เหล็กไอบีมสามารถกระจายน้ำหนักไปทั่วทั้งโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่เกิดการบิดงอหรือเสียรูปทรง
  • ประหยัดพื้นที่ : รูปทรงที่เป็นตัว "I" ทำให้สามารถใช้พื้นที่ในการติดตั้งได้ดี ช่วยให้โครงสร้างดูเรียบร้อยและมั่นคง

ข้อควรพิจารณา

  • น้ำหนัก : เนื่องจากเหล็กไอบีมมีขนาดและน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก การใช้งานในโครงสร้างขนาดเล็กอาจไม่เหมาะสม
  • การติดตั้ง : การติดตั้งเหล็กไอบีมในงานโครงสร้างอาคารหรือสะพานต้องใช้เครื่องมือและความชำนาญในการยกและติดตั้ง
  • ราคา : เหล็กไอบีมมักมีราคาแพงกว่าเหล็กเส้นประเภทอื่น ๆ เนื่องจากความแข็งแรงและการผลิตที่ซับซ้อน

ความแตกต่างระหว่าง H-Beam และ I-Beam

  • ขนาดของ Flange : เหล็กเอชบีม (H-Beam) มี Flange กว้างกว่ามาก และมีความหนาของ Flange ที่หนากว่า I-Beam ซึ่งทำให้เหล็กเอชบีมสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าในบางกรณี
  • ความแข็งแรง : เพราะ Flange ของเหล็กเอชบีมมีความหนาและกว้างกว่าจึงสามารถรองรับแรงกดได้ดีกว่าเหล็กไอบีมในบางกรณี
  • การใช้งาน : เหล็กไอบีม (I-Beam) มักจะใช้ในงานที่ต้องการรับแรงในทิศทางหนึ่งมากกว่า (เช่น โครงสร้างที่มีแรงกระทำในทิศทางเดียว) ส่วนเหล็กเอชบีม (H-Beam) ใช้ในงานที่ต้องการการกระจายแรงในหลายทิศทาง (เช่น โครงสร้างสะพานหรือโครงสร้างอุตสาหกรรมที่ต้องรับน้ำหนักมาก)